วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิธีเอาชนะอุปสรรคในงานและชีวิต


ธุรกิจต่าง ๆ ที่ทำกันนั้นจะมีปีทองของธุรกิจ ในทำนองเดียวกันก็มีบางปีที่ธุรกิจการงานนั้นซบเซา หรือตกต่ำก็มีกลวิธีต่าง ๆ ที่ทั้งกิจการทั้งใหญ่และเล็กสามารถนำไปใช้เพื่อความอยู่รอดได้ ในบทนี้ จะให้แนวทางคือ

1. ควรที่จะทำอย่างไร เมื่อผลงานไม่เป็นตามเป้าหมาย

2. กระตุ้นเร้าให้ลงมือกระทำในแนวทางต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์

ที่สำคัญสิ่งที่เราควรมีมีคือ กำลังใจ ควรมีความทะเยอทะยานใฝ่ฝันและความเชื่อมั่นในตนเอง เดินไปสู่ถนนของความสำเร็จ โดยลงมือกระทำในวิถีทางที่ประหยัดและให้ได้ผลมากที่สุดในอันที่จะเพิ่มยอดขายด้วยการอุดรอยรั่ว และความเสียเปล่าต่าง ๆ และเพิ่มความกระตือรือร้นในการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ ผู้เขียนขอฝากแนวทาง เพื่อเป็นทางสู้เมื่อธุรกิจซบเซา เอาชนะในงานและชีวิต ดังนี้

1. เรียนรู้

เมื่อใดก็ตามที่ธุรกิจติดขัด สิ่งที่เร่งด่วนสำหรับเราคือ เราเติมพลังความคิดสำหรับตัวเราเอง โดยการ

- หาหนังสือที่เกี่ยวข้องมาศึกษาหาความรู้

- หาเพื่อนฝูงที่ชาญฉลาดอาจช่วยเราได้

- เดินทางไปในที่ต่าง ๆ ปลุกสมองและรู้จักสังเกตพินิจพิจารณา

- ศึกษาคู่แข่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด

- หน้าที่ ๆ สำคัญ คือ เรียนรู้ การคิดทบทวน การวางแผนและส่งเสริมการขายให้ธุรกิจหรืองานที่ทำ หมั่นศึกษาเลียนแบบบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในรูปแบบต่างๆ

2. ระวัง

คือต้องกำหนดนโยบายและรายจ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์การควบคุมตนเอง และบุคลากร จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งในวงการธุรกิจ โอกาสในช่วงที่ธุรกิจตกต่ำคือ เราจะต้องตื่นไวต่อข่าวสารต่าง ๆ เสมอ และเป็นนักสังเกตการณ์ที่ดี ฝึกเป็นผู้ที่ใช้เหตุผลและวิจารณญาณที่ดี โดยการยึดหลักที่ว่า

- ในช่วงปีที่ตกต่ำ ให้ใฝ่ใจปรับปรุงพัฒนา

- ในช่วงปีที่รุ่งเรืองให้ใฝ่ใจในการผลิตสินค้าและสรรหากำลังคน จงมองจุดดีหรือจุดเด่นของตัวเองให้พบและเลิกดูถูกตัวเองเสียทีหากคุณพยายามมองหาจุดเด่นหรือสิ่งดี ๆ ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในชีวิตแม้เป็นสิ่งเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้คุณเกิดกำลังใจได้
3. รอบคอบ

โดยจงคิดและวางแผนปรับปรุงเปลี่ยนแปลง โดยพิจารณาว่ามีจุดอ่อนใด ๆ ในงานที่เราจะต้องเสริมให้แข็งแกร่งขึ้น เช่น ศูนย์จำหน่ายหรือร้านค้าปลีก เมื่อยอดขายตกต่ำก็ควรที่จะ ใส่ใจในการตกแต่งตู้แสดงสินค้าของกันให้มากขึ้น จัดใหม่เพื่อดึงดูด “ผู้ผ่านไปผ่านมา” ให้เข้ามาในร้าน สรุปง่าย ๆ ก็คือ เมื่อเงื่อนไขทางธุรกิจไม่ปกติ เราก็ต้องทำสิ่งที่ไม่ปกติ ในการขาย ในการสปอนเซอร์ ในการจัดประชุม ในการจัดประชุม ในการการสร้างพลังจากมวลชน จงปลุกความกล้าให้เกิดขึ้นเสมอ จงลดความกลัวเหตุการณ์ หรือกลัวผู้คนต่าง ๆ เสีย จงบอกตัวเองซิครับว่าคุณเป็นคนกล้าหาญ เพราะถ้าคุณปฏิเสธความกลัวบ่อย ๆ และบอกกับตัวเอง คุณก็กล้ามากขึ้น ๆ ความกลัวต่าง ๆ จะจางไปจากตัวคุณเอง
4. ริเริ่ม

เราในฐานะผู้กระทำธุรกิจจะต้องมีสิ่งที่สำคัญ สองประการคือ การทำงานเป็นทีมและมีความคิดริเริ่ม โดยการปล่อยวางและการกระจายงานให้ผู้อื่นช่วยทำงานจึงจะประสบความสำเร็จ จงมีทัศนคติที่ดีต่อโลกและชีวิต จงมีความเชื่อที่ดี จงมีความหวังที่ดี จงมีความรักที่ดี ทั้ง 3 ตัวนี้จะทำให้คุณมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิตของตัวเองและคนอื่น จะทำให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
5. รักษา

จงถ่อมตน อย่าหยิ่ง หรือจองหอง ความถ่อมตนทำให้เกิดสติ เมื่อเกิดปัญหาจากคนหรือผลงานดีเด่นหรือตกต่ำ ความถ่อมตนจะทำให้เราไม่เหลิง ถ้าเราเป็นผู้ชนะ และความถ่อมตนจะทำให้เราไม่เจ็บปวดมาก ถ้าเราเป็นผู้แพ้

จงรักษาคน เพื่อรักษาผลงาน

จงรักษาผลงานโดยการสปอนเซอร์คน

จงสปอนเซอร์คน เพื่อรักษาคนและผลงาน
6. จงมีความรักในเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น

ถ้าคุณจะเข้าใจและยอมรับในความบกพร่องของเพื่อนมนุษย์ ที่มีสาเหตุจากสันดานดิบของแต่ละคนที่ยังหลงเหลืออยู่ ร่วมกับความไม่รู้ ของแต่ละคนซึ่งมีกันอยู่ทุกคน คุณก็จะโกรธเขาน้อยลง และจะยอมรับเขาได้มากขึ้นว่าเขาจะมีความทุกข์จากสิ่งบกพร่องของเขานั่นเอง อย่าให้ความบกพร่องของเขามาทำลายความสุขของชีวิตคุณเลย เพียงแต่เข้าใจและยอมรับเขาในความปกติของเขาเสีย แทนที่คุณจะโกรธ คุณอาจเห็นอกเห็นใจเขามากขึ้นก็ได้ เพราะฉะนั้นจงมีความรักในเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น พอๆ กับรักตัวเอง
7. จงมีความฝันและจินตนาการให้ดีเข้าไว้

ชีวิตถ้าขาดความฝันก็แห้งแล้ง เราต้องฝันว่าเรามีหนทางชนะอุปสรรค เบื้องหลังอุปสรรคนี้คือทุ่งดอกไม้งามที่เราจะได้พบเห็น ความฝันที่ดีเหล่านี้จะทำให้เราเกิดกำลังใจ และอยากทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อไป ไม่ทอดทิ้งตัวเอง และไม่ทำร้ายหรือทำลายตัวเองให้หนักยิ่งขึ้น หลาย ๆ คนทุกข์ร้อนจากการคิดทำลายตัวเองมากกว่าพิษสงของอุปสรรคเสียอีก ถ้าจะให้ดีลองอ่านหนังสือที่ผู้เขียนๆ ขึ้นมาน่าสนใจเล่มหนึ่งชื่อว่า ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง
8. จงคิดว่าทุกอย่างมีความเป็นไปได้

แม้แต่การได้ชัยชนะที่คุณว่ายากแสนยาก อย่าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้อีกเลย พุทธศาสนาก็สอนว่าทุกอย่างในโลกนี้มันเป็นอนิจจัง คือไม่แน่นอน ฉะนั้นความเป็นไปได้ทั้งนั้น เช่น เป็นผู้ชนะ เป็นเศรษฐี เป็นบุคคลสำคัญ เป็นบุคลที่ใคร ๆ รักใคร่นับถือ ฯลฯ จงเลิกพูดและเลิกคิดถึงคำว่า “เป็นไปไม่ได้ ยาก คงลำบาก เหนื่อย ไม่ไหว” เสียที เพราะมันเป็นคำพูดของคนที่เกิดมาเพื่อจะแพ้ และแพ้ตั้งแต่ก่อนเริ่มลงมือทำอะไรเสียอีก ช่างน่าสงสารเสียจริง ๆ
9. อย่าคิดถึงปมด้อยของตัวเอง

เพราะการคิดถึงปมด้อยจะเป็นตัวฉุดให้คุณหยุดทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ คุณจะขาดความกล้าหาญ คุณจะขาดพลัง จงคิดว่าใคร ๆ ก็มีปมด้อยทั้งนั้น และมีกันคนละหลาย ๆ อย่างด้วย ปมด้อยก็คือความรู้สึกที่ตัวเองคิดว่าด้อย คนอื่นเขาอาจจะไม่ได้คิดหรือไม่ได้รู้เห็นด้วยเลย จงคิดว่าปมด้อยเป็นความปกติของชีวิต เหมือนทุก ๆ คนมีปาก ตา จมูก เราก็ไม่ได้แตกต่างจากใคร ๆ ไม่ได้ด้อยกว่าใครและใครก็ไม่ได้เหนือเรา เพราะเรามีอะไรคล้าย ๆ กัน ซึ่งเป็นความปกติของชีวิตมนุษย์ ไม่มีใครเป็นคนสมบูรณ์แบบหรอก และไม่มีใครที่ไม่มีความบกพร่องเลยเช่นกัน
10. ลงมือกระทำ

เมื่อเราได้เรียนรู้โดยเฉพาะเรียนรู้จากบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการ ฟัง การพูดคุย หรือการอ่านหนังสือดีๆ แล้ว ให้มองหาจุดดีของตัวเองให้พบ ปลูกความกล้าขึ้นมา มีทัศนคติที่ดีต่อโลกและชีวิต จงรักษาคนเพื่อรักษาผลงานด้วยการลงมือ ลงแรงสปอนเซอร์คน ไปพร้อมๆกับความรักในเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น อย่าคิดถึงปมด้อยของตัวเอง จงคิดว่าทุกอย่างมีความเป็นไปได้ จงมีความฝันและจินตนาการให้ดีเอาไว้ ไปพร้อมๆกับการลงมือกระทำตามแผนการที่มีอยู่
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “อุปสรรค” บางคนอาจจะอยากเดินหนี เพราะอุปสรรคไม่ใช่ขนมหวานที่ใคร ๆ อยากเดินเข้าหาหรอก ใครที่เคยพบอุปสรรคของชีวิตมาแล้ว ไม่ว่าคุณจะเอาชนะมันได้หรือไม่ก็ตาม คงไม่มีใครอยากพบกับมันอีก แต่เราก็หนีไม่พ้น อุปสรรคของชีวิตจะเข้ามาหาเราอู่ตลอดเวลา ทั้งทางด้านการงาน ความรัก การเงิน สังคม ครอบครัว การศึกษา หรือการดำเนินชีวิตทั่ว ๆ ไป ถ้าหากเราคิดยอมแพ้อุปสรรคเหล่านี้ เราก็จะแพ้ตลอดไปทั้งชาติ มันเป็นความเจ็บปวดที่เกิดมาแล้ว มีแต่ความพ่ายแพ้ตลอด เพียงคิดถึงแค่คำว่า “แพ้” มันก็เจ็บปวดแล้ว ถ้าอย่างนั้นลองหาทางเอาชนะอุปสรรคในงานและชีวิตตามคสำแนะนำดูบ้างจะเป็นไรไป









ไม่มีความคิดเห็น: