วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

‘ศรีไทย’รุกเปิด‘เอสเนเจอร์’ชลบุรี ‘สนั่น’ตั้งเป้ายอดสิ้นปีโต1,000ล้าน


“ศรีไทย” เดินเครื่องรุกหนัก ผุดศูนย์รูปแบบวันสต๊อปเซอร์วิส “ศรีไทย-เอสเนเจอร์” สาขาชลบุรี พร้อมปรับศูนย์โฉม ใหม่ทั่วประเทศให้ทันสมัย แย้มอีก 2 ปีข้างหน้าเพิ่มศูนย์อีกเท่าตัว “สนั่น” ฟุ้งคุณภาพสินค้ายอดเยี่ยม ล่าสุดต่างประเทศทาบทามไปขาย ลั่น! อีก5 ปีคนไทยได้เป็นอัพไลน์ทั่วโลก
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดสาขาชลบุรีในครั้งนี้ถือเป็นการสวนกระแสวิกฤตเศรษฐกิจ นั่นคือ บริษัท ศรีไทยฯ ยังคงลงทุนอย่างสม่ำเสมอในการขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าทั้ง 2 ธุรกิจ คือซุปเปอร์แวร์ไดเร็กท์เซลส์และธุรกิจเครือข่ายเอสเนเจอร์ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ทุกสาขาเป็นวันสต๊อปเซอร์วิสอย่างแท้จริง ซึ่งบริษัทเดียวในประเทศไทยที่สมาชิกสามารถทำธุรกิจได้ 2 ธุรกิจพร้อมๆกันคือ ธุรกิจ ซุปเปอร์แวร์ไดเร็กท์เซลส์ อันเป็นการขายตรงแบบชั้นเดียวสำหรับผลิตภัณฑ์เมลามีนที่ยืนยงมากว่า 35 ปี และธุรกิจเครือข่ายแบบMLM คือ เอสเนเจอร์ ซึ่งกำลังเป็นที่ฮือฮาในหมู่สมาชิกMLMที่ยอมรับว่าเป็นMLMในอุดมคติ ด้วยแผนการตลาดที่ไม่ซับซ้อน มีความยุติธรรมและยั่งยืน สามารถสืบทอดเป็นมรดกได้ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคคุณภาพสูงตามนโยบายและหลักการที่บริษัทฯยึดถือตลอดมากว่า 45 ปี ทั้งนี้ บริษัท ศรีไทยฯ กำลังดำเนินการพัฒนาสาขาทั้งหมด 15 แห่ง ให้ทันสมัยเพื่อต้อนรับสมาชิกให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ และจะทำการเพิ่มสาขาอีกเท่าตัวภายใน 2 ปี เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจขายตรง ที่ในปีนี้ได้ตั้งเป้าไว้ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบัน เอสเนเจอร์มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมดประมาณ 100 รายการ ครอบคุลมผลิตภัณฑ์ทุกประเภทให้สมาชิกได้เลือกใช้และจำหน่าย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงาม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ฯลฯ โดยเน้นการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งนี้บริษัทฯยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องและส่งเสริมวิถีชีวิตสมัยใหม่ และช่วยเติมความต้องการของสมาชิกและผู้บริโภคทั่วไป โดยมีสินค้ารายการเด่น คือสินค้าบำรุงผิวพรรณในชุด Mangostana Collection อันมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือสารสกัดจากเปลือกในมังคุดที่ชื่อว่า “แซนโธน” ซึ่งเป็นผลงานคำขอสิทธิบัตรของการวิจัยการแปรรูปมังคุด แบบครบวงจรที่ บริษัทศรีไทยฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยเปลือกในของมังคุดจำนวน 1 ตัน จะสามารถสกัดได้แซนโธนไม่เกิน 20 ลิตรเท่านั้น แต่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของมังคุดจากราคาตันละประมาณ 20000 บาท มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าถึง 30 ล้านบาท นอกจากนี้ เนื้อและเมล็ดของมังคุดยังถูกสกัดให้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในชื่อว่า “แซนโปร” โดยมีงานวิจัยมากมายพิสูจน์แล้วว่าเป็นสารสกัดที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและรักษาโรคต่างๆจึงเป็นเทคโนโลยีการผลิตที่สะอาด ไม่เหลือขยะใดๆ จากวัตถุดิบ หรือที่เราเรียกว่า Zero-Waste จึงนอกจากจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมหาศาลแล้ว ยังเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและลดโลกร้อนได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม นายสนั่นกล่าวว่า ขณะนี้เอสเนเจอร์ยังได้รับการทาบทามให้ไปจำหน่ายในประเทศต่างๆ เช่น ประเทศในแถบตะวันออกกลาง อินเดีย ฮ่องกง ลาว เขมร พม่า เวียดนาม รวมทั้งประเทศในแถบยุโรปอีกด้วย โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยายธุรกิจเอสเนเจอร์สู่ประเทศ บ้านใกล้เรือนเคียงด้วยระบบ MLMในเร็วๆนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้บรรลุวิสัยทัศน์ที่ว่า “ธุรกิจเครือข่ายไทย สู่ธุรกิจเครือข่ายสากล” โดยให้สมาชิกคนไทยเป็นต้นสายอย่างเป็นรูปธรรมใน 3-5 ปีข้างหน้า