วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Cody เด็กชายนักสู้ ผู้มีหลายขา‏


เด็กชายตัวน้อยชื่อ Cody Mccosland เด็กชาวอังกฤษ ผู้มีขาหลายคู่ เขาบ้าเล่นกีฬา แต่ก็เกิดมาโดยไม่มีกระดูกหัวเข่า ทำให้ต้องตัดขาท่อนล่างทิ้งตั้งแต่อายุ 15 เดือน วัยที่คนอื่นเดินเตาะแตะ แต่เขาเดินไม่ได้ แต่สองเดือนต่อมา เขาก็เริ่มหัดใช้ขาเทียมคู่แรก
ตอนนี้ Cody อายุ 7 ชวบแล้ว ในภาพล่างเขาเล่นสกีน้ำ แต่อันที่จริง เขาเล่นทั้งว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ตีกอล์ฟ เล่นคาราเต้ เบสบอลล์ และฮอคกี้น้ำแข็ง
เขาขี่จักรยานสามล้อ พร้อมรอยยิ้มมีความสุขที่มีให้เห็นเสมอ





ภาพเขาวิ่งด้วยขาคู่ที่ดูแปลก แต่น่าจะช่วยให้วิ่งได้เร็วขึ้น สมกับสมญานาม The Boy With The Magic Legs จริงๆ






ขาเทียมของเขาได้รับบริจาคจากศูนย์ขาเทียม โรงพยาบาลเด็ก Texas Scottish Rite Hospital แต่เขาโตเร็วต้องเปลี่ยนขาอยู่เป็นประจำ

Cody กับครอบครัวและเพื่อนๆจึงเข้าร่วมงานการกุศลหาเงินช่วยโรงพยาบาล ได้เงินบริจาคมา มากกว่า 6 หมื่นปอนด์แล้ว
Cody ไม่ยอมให้มีอะไรเป็นอุปสรรคต่อชีวิตของเขา เราจึงได้เห็นภาพเขาเล่นฮอคกี้น้ำแข็งในภาพล่าง เท่ห์ชมั

กว่าจะมาเป็นเด็กชายสุขภาพดี หน้าเปื้อนยิ้มในวันนี้ Cody ผ่านอะไรๆมาเยอะ รวมทั้งช่วงหนึ่งของชีวิต ที่เขาต้องผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง จากปัญหาระบบภายในร่างกาย รวมทั้งต้องบำบัดอาการหายใจติดขัดและหอบหืด
"ใครที่กำลังท้อถอย ทั้งที่มีมือมีเท้าครบ อย่าทำตัวให้อาย Cody นะจ๊ะ

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ความสำเร็จ คืออะไร?


ความสำเร็จ สามารถแยกออกมาได้ 3 คำคือ

ความ เป็นตัวนำเพื่อเปลี่ยนกริยาเป็นนาม ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีกริยา ย่อมมี การกระทำ ลงไป

สำ เป็นตัวนำหน้าที่บ่งบอกถึง ความถี่ที่มากขึ้น เช่น สำรวม หมายถึงต้องมีการวบรวมการกระทำของตนให้มากๆ สำเริง สำราญ ก็จะหมายถึงทำให้มีความสุขมากๆ ทำนองนั้น

เร็จ เป็นคำที่ไม่มีความหมายในตัวมันเอง แต่ผมเดาว่ามันน่าจะมาจากคำว่า เร็ว + เสร็จ ซึ่งเป็นคำไทยๆ กลายเป็นเร็จ ซึ่งน่าจะมีความหมายว่า รวดเร็ว และ เสร็จสิ้น


เมือดูจากความหมายที่แยกแต่ละคำแล้ว ผมจึงมีความเห็นว่า ความสำเร็จ ของคนโบราณนั้น น่าจะมาจาก

"การลงมือกระทำการใดๆ ที่ทุ่มทั่งแรงกายแรงใจทำ ทำอย่างตั้งใจ และ ทำอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เสร็จสิ้นงานนั้นๆ" และผมคิดว่า ความหมายนี้ ก็ยังคงมีคุณค่าอยู่เหมือนเช่นอดีตครับ

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิธีเอาชนะอุปสรรคในงานและชีวิต


ธุรกิจต่าง ๆ ที่ทำกันนั้นจะมีปีทองของธุรกิจ ในทำนองเดียวกันก็มีบางปีที่ธุรกิจการงานนั้นซบเซา หรือตกต่ำก็มีกลวิธีต่าง ๆ ที่ทั้งกิจการทั้งใหญ่และเล็กสามารถนำไปใช้เพื่อความอยู่รอดได้ ในบทนี้ จะให้แนวทางคือ

1. ควรที่จะทำอย่างไร เมื่อผลงานไม่เป็นตามเป้าหมาย

2. กระตุ้นเร้าให้ลงมือกระทำในแนวทางต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์

ที่สำคัญสิ่งที่เราควรมีมีคือ กำลังใจ ควรมีความทะเยอทะยานใฝ่ฝันและความเชื่อมั่นในตนเอง เดินไปสู่ถนนของความสำเร็จ โดยลงมือกระทำในวิถีทางที่ประหยัดและให้ได้ผลมากที่สุดในอันที่จะเพิ่มยอดขายด้วยการอุดรอยรั่ว และความเสียเปล่าต่าง ๆ และเพิ่มความกระตือรือร้นในการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ ผู้เขียนขอฝากแนวทาง เพื่อเป็นทางสู้เมื่อธุรกิจซบเซา เอาชนะในงานและชีวิต ดังนี้

1. เรียนรู้

เมื่อใดก็ตามที่ธุรกิจติดขัด สิ่งที่เร่งด่วนสำหรับเราคือ เราเติมพลังความคิดสำหรับตัวเราเอง โดยการ

- หาหนังสือที่เกี่ยวข้องมาศึกษาหาความรู้

- หาเพื่อนฝูงที่ชาญฉลาดอาจช่วยเราได้

- เดินทางไปในที่ต่าง ๆ ปลุกสมองและรู้จักสังเกตพินิจพิจารณา

- ศึกษาคู่แข่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด

- หน้าที่ ๆ สำคัญ คือ เรียนรู้ การคิดทบทวน การวางแผนและส่งเสริมการขายให้ธุรกิจหรืองานที่ทำ หมั่นศึกษาเลียนแบบบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในรูปแบบต่างๆ

2. ระวัง

คือต้องกำหนดนโยบายและรายจ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์การควบคุมตนเอง และบุคลากร จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งในวงการธุรกิจ โอกาสในช่วงที่ธุรกิจตกต่ำคือ เราจะต้องตื่นไวต่อข่าวสารต่าง ๆ เสมอ และเป็นนักสังเกตการณ์ที่ดี ฝึกเป็นผู้ที่ใช้เหตุผลและวิจารณญาณที่ดี โดยการยึดหลักที่ว่า

- ในช่วงปีที่ตกต่ำ ให้ใฝ่ใจปรับปรุงพัฒนา

- ในช่วงปีที่รุ่งเรืองให้ใฝ่ใจในการผลิตสินค้าและสรรหากำลังคน จงมองจุดดีหรือจุดเด่นของตัวเองให้พบและเลิกดูถูกตัวเองเสียทีหากคุณพยายามมองหาจุดเด่นหรือสิ่งดี ๆ ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในชีวิตแม้เป็นสิ่งเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้คุณเกิดกำลังใจได้
3. รอบคอบ

โดยจงคิดและวางแผนปรับปรุงเปลี่ยนแปลง โดยพิจารณาว่ามีจุดอ่อนใด ๆ ในงานที่เราจะต้องเสริมให้แข็งแกร่งขึ้น เช่น ศูนย์จำหน่ายหรือร้านค้าปลีก เมื่อยอดขายตกต่ำก็ควรที่จะ ใส่ใจในการตกแต่งตู้แสดงสินค้าของกันให้มากขึ้น จัดใหม่เพื่อดึงดูด “ผู้ผ่านไปผ่านมา” ให้เข้ามาในร้าน สรุปง่าย ๆ ก็คือ เมื่อเงื่อนไขทางธุรกิจไม่ปกติ เราก็ต้องทำสิ่งที่ไม่ปกติ ในการขาย ในการสปอนเซอร์ ในการจัดประชุม ในการจัดประชุม ในการการสร้างพลังจากมวลชน จงปลุกความกล้าให้เกิดขึ้นเสมอ จงลดความกลัวเหตุการณ์ หรือกลัวผู้คนต่าง ๆ เสีย จงบอกตัวเองซิครับว่าคุณเป็นคนกล้าหาญ เพราะถ้าคุณปฏิเสธความกลัวบ่อย ๆ และบอกกับตัวเอง คุณก็กล้ามากขึ้น ๆ ความกลัวต่าง ๆ จะจางไปจากตัวคุณเอง
4. ริเริ่ม

เราในฐานะผู้กระทำธุรกิจจะต้องมีสิ่งที่สำคัญ สองประการคือ การทำงานเป็นทีมและมีความคิดริเริ่ม โดยการปล่อยวางและการกระจายงานให้ผู้อื่นช่วยทำงานจึงจะประสบความสำเร็จ จงมีทัศนคติที่ดีต่อโลกและชีวิต จงมีความเชื่อที่ดี จงมีความหวังที่ดี จงมีความรักที่ดี ทั้ง 3 ตัวนี้จะทำให้คุณมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิตของตัวเองและคนอื่น จะทำให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
5. รักษา

จงถ่อมตน อย่าหยิ่ง หรือจองหอง ความถ่อมตนทำให้เกิดสติ เมื่อเกิดปัญหาจากคนหรือผลงานดีเด่นหรือตกต่ำ ความถ่อมตนจะทำให้เราไม่เหลิง ถ้าเราเป็นผู้ชนะ และความถ่อมตนจะทำให้เราไม่เจ็บปวดมาก ถ้าเราเป็นผู้แพ้

จงรักษาคน เพื่อรักษาผลงาน

จงรักษาผลงานโดยการสปอนเซอร์คน

จงสปอนเซอร์คน เพื่อรักษาคนและผลงาน
6. จงมีความรักในเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น

ถ้าคุณจะเข้าใจและยอมรับในความบกพร่องของเพื่อนมนุษย์ ที่มีสาเหตุจากสันดานดิบของแต่ละคนที่ยังหลงเหลืออยู่ ร่วมกับความไม่รู้ ของแต่ละคนซึ่งมีกันอยู่ทุกคน คุณก็จะโกรธเขาน้อยลง และจะยอมรับเขาได้มากขึ้นว่าเขาจะมีความทุกข์จากสิ่งบกพร่องของเขานั่นเอง อย่าให้ความบกพร่องของเขามาทำลายความสุขของชีวิตคุณเลย เพียงแต่เข้าใจและยอมรับเขาในความปกติของเขาเสีย แทนที่คุณจะโกรธ คุณอาจเห็นอกเห็นใจเขามากขึ้นก็ได้ เพราะฉะนั้นจงมีความรักในเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น พอๆ กับรักตัวเอง
7. จงมีความฝันและจินตนาการให้ดีเข้าไว้

ชีวิตถ้าขาดความฝันก็แห้งแล้ง เราต้องฝันว่าเรามีหนทางชนะอุปสรรค เบื้องหลังอุปสรรคนี้คือทุ่งดอกไม้งามที่เราจะได้พบเห็น ความฝันที่ดีเหล่านี้จะทำให้เราเกิดกำลังใจ และอยากทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อไป ไม่ทอดทิ้งตัวเอง และไม่ทำร้ายหรือทำลายตัวเองให้หนักยิ่งขึ้น หลาย ๆ คนทุกข์ร้อนจากการคิดทำลายตัวเองมากกว่าพิษสงของอุปสรรคเสียอีก ถ้าจะให้ดีลองอ่านหนังสือที่ผู้เขียนๆ ขึ้นมาน่าสนใจเล่มหนึ่งชื่อว่า ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง
8. จงคิดว่าทุกอย่างมีความเป็นไปได้

แม้แต่การได้ชัยชนะที่คุณว่ายากแสนยาก อย่าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้อีกเลย พุทธศาสนาก็สอนว่าทุกอย่างในโลกนี้มันเป็นอนิจจัง คือไม่แน่นอน ฉะนั้นความเป็นไปได้ทั้งนั้น เช่น เป็นผู้ชนะ เป็นเศรษฐี เป็นบุคคลสำคัญ เป็นบุคลที่ใคร ๆ รักใคร่นับถือ ฯลฯ จงเลิกพูดและเลิกคิดถึงคำว่า “เป็นไปไม่ได้ ยาก คงลำบาก เหนื่อย ไม่ไหว” เสียที เพราะมันเป็นคำพูดของคนที่เกิดมาเพื่อจะแพ้ และแพ้ตั้งแต่ก่อนเริ่มลงมือทำอะไรเสียอีก ช่างน่าสงสารเสียจริง ๆ
9. อย่าคิดถึงปมด้อยของตัวเอง

เพราะการคิดถึงปมด้อยจะเป็นตัวฉุดให้คุณหยุดทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ คุณจะขาดความกล้าหาญ คุณจะขาดพลัง จงคิดว่าใคร ๆ ก็มีปมด้อยทั้งนั้น และมีกันคนละหลาย ๆ อย่างด้วย ปมด้อยก็คือความรู้สึกที่ตัวเองคิดว่าด้อย คนอื่นเขาอาจจะไม่ได้คิดหรือไม่ได้รู้เห็นด้วยเลย จงคิดว่าปมด้อยเป็นความปกติของชีวิต เหมือนทุก ๆ คนมีปาก ตา จมูก เราก็ไม่ได้แตกต่างจากใคร ๆ ไม่ได้ด้อยกว่าใครและใครก็ไม่ได้เหนือเรา เพราะเรามีอะไรคล้าย ๆ กัน ซึ่งเป็นความปกติของชีวิตมนุษย์ ไม่มีใครเป็นคนสมบูรณ์แบบหรอก และไม่มีใครที่ไม่มีความบกพร่องเลยเช่นกัน
10. ลงมือกระทำ

เมื่อเราได้เรียนรู้โดยเฉพาะเรียนรู้จากบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการ ฟัง การพูดคุย หรือการอ่านหนังสือดีๆ แล้ว ให้มองหาจุดดีของตัวเองให้พบ ปลูกความกล้าขึ้นมา มีทัศนคติที่ดีต่อโลกและชีวิต จงรักษาคนเพื่อรักษาผลงานด้วยการลงมือ ลงแรงสปอนเซอร์คน ไปพร้อมๆกับความรักในเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น อย่าคิดถึงปมด้อยของตัวเอง จงคิดว่าทุกอย่างมีความเป็นไปได้ จงมีความฝันและจินตนาการให้ดีเอาไว้ ไปพร้อมๆกับการลงมือกระทำตามแผนการที่มีอยู่
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “อุปสรรค” บางคนอาจจะอยากเดินหนี เพราะอุปสรรคไม่ใช่ขนมหวานที่ใคร ๆ อยากเดินเข้าหาหรอก ใครที่เคยพบอุปสรรคของชีวิตมาแล้ว ไม่ว่าคุณจะเอาชนะมันได้หรือไม่ก็ตาม คงไม่มีใครอยากพบกับมันอีก แต่เราก็หนีไม่พ้น อุปสรรคของชีวิตจะเข้ามาหาเราอู่ตลอดเวลา ทั้งทางด้านการงาน ความรัก การเงิน สังคม ครอบครัว การศึกษา หรือการดำเนินชีวิตทั่ว ๆ ไป ถ้าหากเราคิดยอมแพ้อุปสรรคเหล่านี้ เราก็จะแพ้ตลอดไปทั้งชาติ มันเป็นความเจ็บปวดที่เกิดมาแล้ว มีแต่ความพ่ายแพ้ตลอด เพียงคิดถึงแค่คำว่า “แพ้” มันก็เจ็บปวดแล้ว ถ้าอย่างนั้นลองหาทางเอาชนะอุปสรรคในงานและชีวิตตามคสำแนะนำดูบ้างจะเป็นไรไป









วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552


ความสำเร็จ คือ การก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง หากใครหยุดก้าวเดินชีวิตก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่หรืออาจจะถอยหลังลงเรื่อยๆ ฉะนั้นจึงหยุดก้าวเดินมิได้ ชีวิตต้องมีจุดหมายปลายทาง มีความหวัง และมีความทะเยอทะยานใฝ่รู้อยู่เสมอ ต่อไปนี้เป็นวิธีสู่ความสำเร็จ 7 วิธีที่ควรทราบ


* ให้คิดในแง่บวกคิดว่าต้องทำทุกอย่างได้ ลบความคิดว่า “เป็น ไปไม่ได้” ออกไปจากความคิด และจิตใจ
* ต้องตั้งเป้าหมายในการทำงานไว้อย่างแน่นอน และทำตามเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จ หากไม่ สามารถทำได้ก็อย่าหยุดความตั้งใจ ให้ปรับเปลี่ยนจุดหมายใหม่ที่ สามารถทำได้ทันที
* ต้องวางแผนปฏิบัติเป็นขั้นตอน เริ่มทำจากสิ่งง่ายๆหรือเล็กๆแล้วจึงขยับขยายไต่เต้าขึ้นไปทีละ ขั้นๆเพื่อให้มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มั่นคง
* ต้องพร้อมเสมอที่จะรับมือกับปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยไม่กลัวในสิ่งที่ยัง มาไม่ถึง
* ต้องกล้าคิด กล้าวางแผน และกล้าลงมือปฏิบัติก่อนที่คนอื่นๆจะลงมือทำเสียก่อน
* ต้องพร้อมเสมอที่จะเสียสละเพื่อแลกกับความสำเร็จในวันข้างหน้าJ อย่าหยุดแค่ความสำเร็จสูงสุดของวันนี้ ให้สร้างจุดมุ่งหมายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และพยายามทำตามเป้าหมายนั้นต่อไปเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต


“ชีวิตเป็นของท่าน ท่านเป็นผู้กำหนดเอง”ขอขอบคุณ http:// studentaff.eau.ac.th